คำขวัญวันเด็ก ปี ๒๕๕๕
"สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี"
รัฐบาลได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียนและ นอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นทุกปีในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมจนถึง พ.ศ. 2506 และใน พ.ศ. 2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทัน จึงได้เริ่มจัดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2508 โดยเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงหมดฤดูฝนและเป็นวันหยุดราชการ จนถึงทุกวันนี้
คำขวัญวันเด็ก
คำขวัญวันเด็ก เป็นคำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2499 ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็กปีละ 1 คำขวัญ (ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ) นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมา จึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีดังนี้
ปี | นายกรัฐมนตรี | คำขวัญ | |||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
พ.ศ.2499 | จอมพล ป. พิบูลสงคราม | จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม | |||||
พ.ศ.2502 | จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ | ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า | |||||
พ.ศ.2503 | จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ | ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด | |||||
พ.ศ.2504 | จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ | ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย | |||||
พ.ศ.2505 | จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ | ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด | |||||
พ.ศ.2506 | จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ | ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด | |||||
พ.ศ.2507 | จอมพลถนอม กิตติขจร | ไม่มีคำขวัญ เนื่องจากงดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ | |||||
พ.ศ.2508 | จอมพลถนอม กิตติขจร | เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี | |||||
พ.ศ.2509 | จอมพลถนอม กิตติขจร | เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี | |||||
พ.ศ.2510 | จอมพลถนอม กิตติขจร | อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย | |||||
พ.ศ.2511 | จอมพลถนอม กิตติขจร | ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง | |||||
พ.ศ.2512 | จอมพลถนอม กิตติขจร | รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ | |||||
พ.ศ.2513 | จอมพลถนอม กิตติขจร | เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส | |||||
พ.ศ.2514 | จอมพลถนอม กิตติขจร | ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ | |||||
พ.ศ.2515 | จอมพลถนอม กิตติขจร | เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ | |||||
พ.ศ.2516 | จอมพลถนอม กิตติขจร | เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ | |||||
พ.ศ.2517 | สัญญา ธรรมศักดิ์ | สามัคคีคือพลัง | |||||
พ.ศ.2518 | สัญญา ธรรมศักดิ์ | เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี | |||||
พ.ศ.2519 | หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช | เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้ | |||||
พ.ศ.2520 | ธานินทร์ กรัยวิเชียร | รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย | |||||
พ.ศ.2521 | พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ | เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติมั่นคง | |||||
พ.ศ.2522 | พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ | เด็กไทยคือหัวใจของชาติ | |||||
พ.ศ.2523 | พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ | อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย | |||||
พ.ศ.2524 | พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ | เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม | |||||
พ.ศ.2525 | พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ | ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย | |||||
พ.ศ.2526 | พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ | รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม | |||||
พ.ศ.2527 | พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ | รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา | |||||
พ.ศ.2528 | พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ | สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม | |||||
พ.ศ.2529 | พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ | นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม | |||||
พ.ศ.2530 | พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ | นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม | |||||
พ.ศ.2531 | พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ | นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม | |||||
พ.ศ.2532 | พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ | รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม | |||||
พ.ศ.2533 | พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ | รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม | |||||
พ.ศ.2534 | พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ | รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา | |||||
พ.ศ.2535 | อานันท์ ปันยารชุน | สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม | |||||
พ.ศ.2536 | ชวน หลีกภัย | ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม | |||||
พ.ศ.2537 | ชวน หลีกภัย | ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม | |||||
พ.ศ.2538 | ชวน หลีกภัย | สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม | |||||
พ.ศ.2539 | บรรหาร ศิลปอาชา | มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด | |||||
พ.ศ.2540 | พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ | รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด | |||||
พ.ศ.2541 | ชวน หลีกภัย | ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย | |||||
พ.ศ.2542 | นายชวน หลีกภัย | ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย | |||||
พ.ศ.2543 | ชวน หลีกภัย | มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย | |||||
พ.ศ.2544 | ชวน หลีกภัย | มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย | |||||
พ.ศ.2545 | พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร | เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส | |||||
พ.ศ.2546 | พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร | เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี | |||||
พ.ศ.2547 | พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร | รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน | |||||
พ.ศ.2548 | พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร | เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด | |||||
พ.ศ.2549 | พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร | อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด | |||||
พ.ศ.2550 | พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ | มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข | |||||
พ.ศ.2551 | พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ | สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม | |||||
พ.ศ.2552 | อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี | |||||
พ.ศ.2553 | อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม | |||||
พ.ศ.2554 | อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ |
พ.ศ.2555 - ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร "สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี" เพลงวันเด็ก สำหรับเพลง "หน้าที่ของเด็ก" หรือเพลง "เด็กเอ๋ยเด็กดี" นี้ ประพันธ์คำร้องโดย ชอุ่ม ปัญจพรรค์ นักเขียนนวนิยายชื่อดังคนหนึ่งของไทย ซึ่งท่านเป็นพี่สาวของอาจินต์ ปัญจพรรค์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2534 ครูชอุ่ม ได้เล่าถึงที่มาของเพลง "หน้าที่ของเด็ก" ว่า ในอดีต เมื่อ ปี พ.ศ. 2498 ทางสหประชาชาติได้ ประกาศปฏิญญาสากลว่าด้วยหน้าที่ของเด็ก โดยนาย วี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ ได้เชิญชวนให้ทุกประเทศทั่วโลกร่วมจัดงานวันเด็ก เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ รัฐบาลไทย ซึ่งมี จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จึงได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศ ทั้งในระบบโรงเรียนและ นอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ และ ศาสนา ครูชอุ่ม ปัญจพรรค์ ซึ่งท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติคนหนึ่ง ของกระทรวงศึกษาธิการ จึงได้นำเนื้อหาดังกล่าว มาแต่งเป็นกลอนให้คล้องจองกัน และขอให้ครูเอื้อ สุนทรสนานแต่งทำนองให้ จากนั้น ก็ได้มีการนำเพลงนี้ ไปเปิดทางสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ ในวันเด็กแห่งชาติทุกปี จนถึงทุกวันนี้ |
เนื้อเพลงเด็กดี
- เด็กเอ๋ยเด็กดี
- ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
- เด็กเอ๋ยเด็กดี
- ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
-
- หนึ่ง นับถือศาสนา
- สอง รักษาธรรมเนียมมั่น
- สาม เชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์
- สี่ วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน
- ห้า ยึดมั่นกตัญญู
- หก เป็นผู้รู้รักการงาน
- เจ็ด ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ
- ต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่คร้าน
- แปด รู้จักออมประหยัด
- เก้า ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล
- น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ
- ให้เหมาะกับกาลสมัยชาติพัฒนา
- สิบ ทำตนให้เป็นประโยชน์
- รู้บาปบุญคุณโทษ สมบัติชาติต้องรักษา
- เด็กสมัยชาติพัฒนา
- จะเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ
- เด็กเอ๋ยเด็กดี
- ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
- เด็กเอ๋ยเด็กดี
- ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
(ซ้ำตั้งแต่ต้นอีกครั้ง)
เรามาร่วมร้องเพลง เด็กดีกัน เด็กก็ร้องได้ ผู้ใหญ่ก็ร้องดี ยิ่งเป็นคุณครู ต้องร้องเสียงดังถึง 3 เท่า ผู้ใหญ่ร้องไป เล่าอดีตไป สนุกครับ
*******
ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org
No comments:
Post a Comment