Sunday, January 15, 2012

อุดมคติ

 แด่ครู ครับ
 .....
 อุดมคติ
โดย พุทธทาสภิกขุ

 
        นี่ระวังให้ดี ; คนทุกคนจะเถียงว่า เราก็มีอุดมคติของเรา แต่แล้วมันเป็นอุดมคติของใครกันแน่ ของความโง่หรือของความฉลาด ? มันอาจจะเป็นอุดมคติที่นำไปสู่ความร้อนใจตลอดกาลก็ได้ ทีนี้ เมื่อ สอนให้บูชาอุดมคติอย่างเดียวนั้น มันก็เลยไม่พอ ; มันต้องสอนอุดมคติที่ถูกต้องด้วย. อย่างเดี๋ยวนี้เราได้ยินได้ฟังคนที่บูชาอุดมคติสูงสุดกลุ่มหนึ่ง คือพวกฮิปปี้ซึ่งคุณก็คงเคยอ่านหนังสือพิมพ์เรื่องพวกฮิปปี้ ระวังให้ดีมันจะเกิดขึ้นในตัวเราเอง โดยไม่ทันรู้ก็ได้ คือการหลงบูชาอุดมคติโดยที่ไม่รู้จักอุดมคติที่ถูกต้อง ก็เลยเอาความต้องการของเนื้อหนังนี้เป็นอุดมคติไปหมด.
          การศึกษาสมัยนี้ สอนให้ยุ่งให้บูชาอุดมคติ แล้วให้รักความเป็นอิสรภาพเสรีภาพ อะไรนี้เป็นอุดมคติ ; แต่เมื่อมันไม่ถูกอุดมคติอันแท้จริง คนก็เลยสร้างอุดมคติเอาตามความพอใจของตน. คนประเภทฮิปปี้จึงเกิดขึ้นในโลก, ไม่ใช่เพิ่งเกิดเดี๋ยวนี้. ครั้งพุทธกาลก็มีหลักเกณฑ์อย่างนี้ ที่สอนกันให้หลงอุดมคติ แล้วมันผิดตัวอุดมคติ มันเป็นอุดมคติที่ไม่ควรจะเป็นอุดมคติ มันก็เลยกลายเป็นเรื่องทะลุอย่างนี้. เรียกว่าทะลุกลางปล้องขึ้นมา. ทีนี้เดี๋ยวนี้ การศึกษาของโลกมันเจริญมาก สอนเรื่องปรัชญามากเกินไป สอนให้มีอุดมคติ สำหรับให้หลงใหลมากเกินไป หลงใหลในอิสรภาพมากเกินไป มันก็มีผลเป็นฮิปปี้อย่างเดี๋ยวนี้เกิดขึ้น.
          เรามีหลักจริยธรรมหรือศีลธรรมอยู่ มันก็เป็นความกดดันอันหนึ่ง คือว่าเราต้องรับถือ ; แต่แล้วมันผิดฝาผิดตัวต่อเด็ก ๆ หรือคนหนุ่มคนสาวอย่างในโลกสมัยนี้ ที่ได้รับ การศึกษาอย่างสมัยปัจจุบัน ที่มัน ทำให้ทนต่อความกดดันของศีลธรรมไม่ได้ มันจะทะลุกลางปล้องออกไป เป็นอุดมคติอีกอย่างหนึ่งขึ้นมา. มนุษย์อุดมคติประเภทฮิปปี้นี้จึงมีขึ้นมาในโลก ; แล้วเมื่อเรากำลังเดินตามก้นพวกฝรั่งแล้ว ไม่เท่าไรจะมาถึงพวกเรา จึงเป็นของที่ดาษดื่นไปทั่วโลก.
          การศึกษาของโลกปัจจุบันนี้ ไม่มีพูดสอนเรื่องจิต เรื่องวิญญาณ แยกตัวออกมาเสียจากศาสนาเลย ไม่เกี่ยวกับการศึกษาเลย ; แล้วสอนให้ imagine ต่าง ๆ เกี่ยวไปตามแนวทางของปรัชญา. มันก็หลงอุดมคติของเสรีภาพ หลงอุดมคติของกิเลสตัณหา, มันก็มีผลอย่างที่ว่านี้ : มัน ขาดความรู้ที่ถูกต้องของธรรมชาติ, มีแต่ปรัชญาที่เฟ้อ ที่กำลังเรียนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในเรื่องเฟ้อ, มันก็เลยไม่มีหลักในการที่จะควบคุมตัวเอง. ทีนี้ กามสำนึก คือความสำนึกในกาม ที่มีอยู่เป็นพื้นฐานเป็นกิเลสอนุสัย มันก็เดือดขึ้นมาเป็นรูปปรัชญาของคนพวกนี้ ; นี่ปัญหาอย่างนี้จะมีมากขึ้นในโลก และทั่วไปของโลก.
          ทีนี้ ครูจะมีหน้าที่อย่างไร ? ก็คอยดูต่อไป ; ถ้าไม่รู้เท่าเรื่องนี้ ครูจะเป็นฮิปปี้เอง แล้วก็จะเป็นตัววัตถุสำหรับถูกชำระสะสาง ไม่ใช่เป็นผู้ชำระสะสาง. ขอให้มองเห็นชัด ๆ ว่า : วัตถุนิยม นี้แหละ กำลังเป็นสิ่งที่ทำให้เรากำลังยุ่งยากลำบาก เรากำลังหลับหูหลับตาไปตามวัตถุนิยม ตามก้นพวกฝรั่ง ; ทิ้งเรื่องเดิม ๆ ของปู่ย่า ตายาย ซึ่งเป็นเรื่องทางจิตทางวิญญาณ ทางมโนนิยม.
          ทีนี้ วัตถุนิยมอย่างที่มันเป็นเนื้อหนังนี้ มันก็สร้างปรัชญาของมันเองมากขึ้น ๆ ก็กำลังเมาปรัชญาในมหาวิทยาลัย และเป็นเรื่องทางวัตถุ ทางเนื้อหนัง ; ทีนี้ก็เลยเข้าใจเอา หรือนึกคิดเอา รู้สึกเอา เรา สร้างมโนนิยม หรือว่าจิตนิยมตามแบบของเราขึ้นมาใหม่ ตามพอใจของตนเอง เป็นมิจฉาทิฏฐิทั้งนั้น. นี่คือปัญหาที่โลกกำลังประสบอยู่ในเวลานี้, นี่เรียกว่า จะเป็นปัญหาของครูบาอาจารย์พวกไหนจะแก้ไขมัน.
*******
กระดานธรรม http://www.buddhadasa.org

No comments:

Post a Comment